ค้นหาบล็อกนี้

วันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2554

มงคลสูตร

มงคลสูตร
 เป็นพระสูตรหรือหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่เหล่าเทวดา ที่มาทูลถามพระพุทธเจ้าเพื่อตอบข้อสงสัยของมนุษย์และเทวดา โดยพระสูตรบทนี้ถือว่าเป็นพระสูตรสำคัญบทหนึ่งในพระพุทธศาสนาเถรวาท เพราะมีเนื้อหาแสดงถึงการปฏิเสธ มงคลภายนอก ที่นับถือเหตุการณ์หรือสิ่งต่าง ๆ ว่าเป็นมงคล หรือมีมงคล โดยอธิบายว่าในทัศนะพระพุทธศาสนานั้น มงคลของมนุษย์และเทวดาย่อมเกิดจากการกระทำอันได้แก่ มงคลภายใน คือต้องกระทำความดี และความดีนั้นจะเป็นสิ่งที่เรียกว่ามงคลเองโดยไม่ต้องไปอ้อนวอนกราบไหว้ขอมงคลจากนอกตัว เมื่อพิจารณาจากเนื้อหาในพระสูตรแล้วแสดงให้เห็นว่าพระพุทธศาสนาปฏิเสธมงคลภายนอกโดยสิ้นเชิง ซึ่งเป็นจุดเด่นในพระพุทธศาสนา


พะหู เทวา มะนุสสา จะ มังคะลานิ อะจินตะยุง, อากังขะ มานา โสตถานัง พฺรูหิ มังคะละมุตตะมัง,เทวดาองค์หนึ่ง ได้กราบทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า, หมู่เทวดาและมนุษย์มากหลาย, มุ่งหมาย ความเจริญก้าวหน้า, ได้คิดถึงเรื่องมงคลแล้ว, ขอพระองค์ทรงบอกทางมงคลอันสูงสุดเถิด, สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสตอบดังนี้ว่า,
อะเสวะนา จะ พาลานัง,
การไม่คบคนพาล,
ปัณฑิตานัญจะ เสวะนา,การคบบัณฑิต,
ปูชา จะ ปูชะนียานัง,การบูชาต่อบุคคลที่ควรบูชา,
เอตัมมังคะละมุตตะมัง,กิจสามอย่างนี้ เป็นมงคลอันสูงสุด,
ปะฏิรูปะเทสะวาโส จะ,การอยู่ในประเทศอันสมควร,
ปุพเพ จะ กะตะปุญญะตา,การเป็นผู้มีบุญได้ทำไว้ก่อนแล้ว,
อัตตะ สัมมา ปะณิธิ จะ,การตั้งตนไว้ชอบ,
เอตัมมังคะละมุตตะมัง,กิจสามอย่างนี้ เป็นมงคลอันสูงสุด,
พาหุสัจจัญจะ,การเป็นผู้ได้ยินได้ฟังมาก,
สิปปัญจะ,การมีศิลปวิทยา,

วินะโย จะ สุสิกขิโต,วินัยที่ศึกษาดีแล้ว,
สุภาสิตา จะ ยา วาจา,วาจาที่เป็นสุภาษิต,
เอตัมมังคะละมุตตะมัง,กิจสี่อย่างนี้ เป็นมงคลอันสูงสุด,
มาตาปิตุอุปัฏฐานัง,การบำรุงเลี้ยงมารดาบิดา,
ปุตตะทารัสสะ สังคะโห,การสงเคราะห์บุตรและภรรยา,
อะนากุลา จะ กัมมันตา,การงานที่ไม่ยุ่งเหยิงสับสน,
เอตัมมังคะละมุตตะมัง,กิจสามอย่างนี้ เป็นมงคลอันสูงสุด,
ทานัญจะ,การบำเพ็ญทาน,
ธัมมะจะริยา จะ,การประพฤติธรรม,
ญาตะกานัญจะ สังคะโห,การสงเคราะห์หมู่ญาติ,
อะนะวัชชานิ กัมมานิ,การงานอันปราศจากโทษ,
เอตัมมังคะละมุตตะมัง,กิจสี่อย่างนี้ เป็นมงคลอันสูงสุด,
อาระตี วิระตี ปาปา,การงดเว้นจากบาปกรรม,
มัชชะปานา จะ สัญญะโม,การเหนี่ยวรั้งใจไว้ได้จากการดื่มน้ำเมา,
อัปปะมาโท จะ ธัมเมสุ,การไม่ประมาทในธรรมทั้งหลาย,
เอตัมมังคะละมุตตะมัง,กิจสามอย่างนี้ เป็นมงคลอันสูงสุด,
คาระโว จะ,ความเคารพอ่อนน้อม,
นิวาโต จะ,ความถ่อมตัวไม่เย่อหยิ่ง,
สันตุฏฐี จะ,ความสันโดษยินดีในของที่มีอยู่,
กะตัญญุตาความเป็นคนกตัญญู,
กาเลนะ ธัมมัสสะวะนัง,
การฟังธรรมตามกาล,
เอตัมมังคะละมุตตะมัง,
กิจห้าอย่างนี้ เป็นมงคลอันสูงสุด,
ขันตี จะ,ความอดทน,
โสวะจัสสะตา,ความเป็นคนว่าง่ายสอนง่าย,
สะมะณานัญจะ ทัสสะนัง,การพบเห็นสมณะ ผู้สงบจากกิเลส,
กาเลนะ ธัมมะสากัจฉา,การสนทนาธรรมตามกาล,
เอตัมมังคะละมุตตะมัง,กิจสี่อย่างนี้ เป็นมงคลอันสูงสุด,
ตะโป จะ,ความเพียรเผากิเลส,
พรัหมะจะริยัญจะ,การประพฤติพรหมจรรย์,
อะริยะสัจจานะ ทัสสะนัง,การเห็นอริยสัจ,
นิพพานะสัจฉิกิริยา จะ,การทำพระนิพพานให้แจ้ง,
เอตัมมังคะละมุตตะมัง,กิจสี่อย่างนี้ เป็นมงคลอันสูงสุด,
ผุฏฐัสสะ โลกะธัมเมหิ จิตตัง ยัสสะ นะ กัมปะติ,จิตของผู้ใดอันโลกธรรมทั้งหลาย ถูกต้องแล้วไม่หวั่นไหว,
อะโสกัง,เป็นจิตไม่เศร้าโศก,
วิระชัง,
เป็นจิตไร้ ธุลีกิเลส,
เขมัง,เป็นจิตอันเกษมศานต์,
เอตัมมังคะละมุตตะมัง,กิจสี่อย่างนี้ เป็นมงคลอันสูงสุด,
เอตาทิสานิ กัตฺวานะ สัพพัตถะมะปะราชิตา, สัพพัตถะโสตถิง คัจฉันติ, ตันเตสัง มังคะละมุตตะมันติ,หมู่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย, ได้กระทำมงคลทั้งสามสิบแปดประการเหล่านี้ให้มีในตนแล้ว, จึงเป็นผู้ไม่พ่ายแพ้ในที่ทั้งปวง, ย่อมถึงความสวัสดีในทุกสถาน, ทั้งหมดนี้เป็นมงคล, คือเหตุให้ถึงความเจริญก้าวหน้าอันสูงสุด,
ของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายเหล่านั้นโดยแท้,

อิติ.ด้วยประการฉะนี้แล.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น