ค้นหาบล็อกนี้

วันจันทร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2555

การบูชาพระอังคาร


นพเคราะห์ประจำวันอังคาร
พระอังคาร เกิดจากพระศิวะมหาเทพสร้างขึ้น โดยนำเอาหัวกระบือ จำนวน 8 หัว มาบดให้ละเอียด ห่อผ้าสีแดงชมพู พรมด้วยน้ำอมฤต ปลุกให้มีชีพขึ้นด้วยมนต์คาถา กลายร่างขึ้นมาเป็นเทพบุตร รูปร่างกำยำแข็งแรง กล้ามมัดบึกบึน
หากตามปุราณะของฮินดูแท้ดั้งเดิม พระอังคารนี้ ก็คือ พระขันทกุมาร บุตรแห่งพระศิวะและพระแม่อุมาเทวีนั่นเอง คราวหนึ่งพระศิวะมหาเทพได้หว่านเมล็ดพืชลงในกองเพลิง เมื่อไฟลุกขึ้นจากกองเพลิงนั้น ปรากฎเป็นเทพบุตรซึ่งพระแม่คงคาได้รับเอาไปเลี้ยง เทพบุตรนั้นก็คือ พระกรรติเกยะ หรือ พระขันทกุมาร
พระอังคารมีร่างกายล่ำสัน พระพักต์ดุ มี 4 พระกร ถือหอก ตรีศูล คันศร กระบอง กายสีแดง
พาหนะแห่งพระอังคารมีหลายตำราว่าไว้แตกต่างกัน ได้แก่ กระบือ แกะ นกยูง (ก็คือตัวเดียวกับพาหนะของพระขันทกุมาร)
พระอังคาร หรือ พระขันธ์กุมาร , พระขันทกุมาร มีอีกหลายพระนาม เช่น มหาเสนา กรรติเกยะ สกันทะ พระมังคลา ฯลฯ
ตำนานแห่งพระอังคาร ก็คือตำนานเดียวกับพระขันทกุมาร ผู้อ่านจึงอ่านได้จากเรื่อง พระขันทกุมาร

อีกตำนานของพระอังคาร (พระขันทกุมาร)
พระศิวะมหาเทพ ได้สละการบัญชาการสู้รบของเหล่าเทพเจ้าและคณะบริวาร ไปบำเพ็ญตบะเพื่อเพิ่มความแก้กล้าให้สูงยิ่งๆขึ้น ช่วงนั้นเหล่าอสูรจึงได้โอกาส เข้าต่อสู้กับเหล่าเทวดา เมื่ออสูรชนะจึงได้ยึดวิมานของเทพเทวดาต่างๆเป็นของตน เหล่าเทพนำโดยพระอินทร์ก็หนีเข้าไปในป่า ประชุมขบคิดหาทางเอาวิมานและอาณาจักรของพวกตนคืนมา
ระหว่างที่อยู่ในป่านั้น พระอินทร์ได้ยินเสียงร้องให้ช่วยเหลือ เมื่อเข้าไปดูก็พบอสูรนามว่า เกสิน กำลังฉุด นางเสนา ผู้มีรูปอันงดงาม พระอินทร์จึงเข้าไปช่วยไล่อสูรนั้นให้พ้น พระอินทร์รู้ได้ด้วยญาณว่า ผู้ใดเป็นสามีของนาง ผู้นั้นจะเป็นผู้สังหารอสูรและนำอาณาจักรของเหล่าเทวดาคืนมาได้ แต่พระอินทร์ไม่ทราบหนทาง จึงเข้าเฝ้า พระพรหมมหาเทพ พระพรหมสั่งให้พระอัคนีและพระแม่คงคา ให้กำเนิดเทพบุรุษขึ้นมา คือ พระอังคาร หรือ พระขันธกุมาร เมื่อเจริญชันษาขึ้น พระอังคารก็อภิเษกกับนางเสนา และได้ไปปราบอสูรที่ยึดอาณาจักรของเหล่าเทพเจ้า โลกและสวรรค์จึงสงบสุขอีกครั้ง (พระขันทกุมารในปุราณะนี้ จึงเกิดจากพระอัคนีและพระแม่คงคา หากแต่อีกปุราณะหนึ่ง พระขันทกุมารคือบุตรที่เกิดจากน้ำเชื้อแห่งพระศิวะแล้วพระนางกฤตติกาเลี้ยงดูเอาไว้)
วิธีบูชาพระอังคาร ผู้เกิดวันอื่นๆ ก็บูชาเทวดาองค์นี้ได้เช่นกัน
ผู้บูชาพระอังคาร จะได้รับพรให้มีความกล้าหาญชาญชัย เหตุการณ์หรือการกระทำกิจกรรมใดๆ หากไม่มีกำลังใจในการตัดสินใจ
ให้บูชาพระอังคาร จะได้รับความฮึกเหิม ตลอดจนความขยันขันแข็ง มีพลังแห่งความมุ่งมั่น คือพรที่ได้รับจากพระอังคาร
พระประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันอังคารคือ ปางไสยาสน์ และ ปางลีลา
คาถาบูชาพระอังคาร
(ควรไหว้พระอังคารควบคู่กับการไหว้พระขันทกุมาร เนื่องจากคือพระองค์เดียวกัน)
ไหว้แบบไทย สามารถทำตามเคล็ดวิชาการบูชาของไทยโบราณได้
คือ ถ้าบูชาประจำวันปกติใช้ธูป 3 ดอก
หากบวงสรวง ขอพรในกรณีพิเศษ ฤกษ์ที่ดีที่สุดคือวันอังคาร ให้ใช้ธูป 8 ดอก (ตามกำลังเทพนพเคราะห์)
หรือใช้ธูป 6 ดอก เนื่องจากพระขันทกุมารมี 6 เศียร
บูชาพระอังคาร ด้วย คาถาฝนแสนห่า
ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง
สวดตามกำลังเทพพระอังคาร คือ 8 จบ
(บทสวดนี้ได้มาจากบทสรรเสริญพระพุทธคุณ เรียกว่า พระคาถาอิติปิโสแปดทิศ)
บทสวดบูชาพระอังคารอิติปิโส ภะคะวา พระอังคารจะมัสมิง
จะ พุทธะคุณัง จะ ธัมมะคุณัง จะ สังฆะคุณัง
สัพพะทุกขัง สัพพะภะยัง สัพพะโรคัง วิวัชชะเย
สัพพะลาภัง ภะวันตุเม


บทสวดบูชาพระพุทธรูปปางไสยาสน์ พระประจำวันอังคารยัสสานุภาวะโต ยักขา เนวะ ทัสเสนติ ภิงสะนัง
ยัมหิ เจวานุยุญชันโต ริตตินทิวะมะตันทิโต
สุขัง สุปะติ สุตโต จะ ปาปัง กิญจิ นะ ปัสสะติ
เอวะมาทิคุณู เปตัง ปะริตตันตัม ภะณามะ เห
ประวัติย่อพระพุทธรูปปางไสยาสน์

ในสมัยหนึ่ง พระพุทธองค์ประทับอยู่ ณ เชตวันมหาวิหาร ในพระนครสาวัตถีอสุรินทราหูบุชาของท้าวเวปจิตติอสูร ผู้ครองอสูรพิภพ ได้สดับพระเกียรติคุณของพระพุทธองค์จากสำนักเทพยดาทั้งหลาย จึงมีความปรารถนาจะไปเฝ้า แต่คิดว่าพระพุทธองค์เป็นมนุษย์ มีพระวรกายเล็กถ้าเข้าไปเฝ้าก็คงต้องก้มลงมอง ซึ่งจะทำให้ตนเองลำบากทั้งไม่เคยคิดจะก้มหัวให้ใครอีกด้วย ดั้งนั้นจึงไม่ยอมเข้าไปเฝ้าพระศาสดา แต่เมื่อเห็นเหล่าทวยเทพจำนวนมากไปเฝ้าพระพุทธองค์เนื่อง ๆ จึงไม่อาจทนอยู่ได้ ในราตรีวันหนึ่งจึงตัดสินใจเข้าไปเฝ้าพระพุทธองค์
ฝ่ายพระพุทธเจ้าทรงทราบว่าอสุรินทราหูจะมาเฝ้า จึงมีรับสั่งให้พระอานนท์ ปูลาดบรรจถรณ์แล้วก็สำเร็จสีหไสยาสน์รออสุรินทราหูบนพระแท่นที่ประทับ ทรงทำปาฏิหาริย์เนรมิตพระวรกายให้ใหญ่กว่าพระอสุรินทราหูหลายเท่า ซึ่งปรากฏเห็นได้เฉพาะอสุรินทราหูเท่านั้น
เมื่ออสุรินทราหูเข้าไปเฝ้าก็อัศจรรย์ใจ แทนที่ตนจะต้องก้มหน้ามองดูพระพุทธองค์ แต่กลายเป็นว่าต้องแหงนหน้ามองดูพระพุทธลักษณะ จนเป็นที่พอใจจากนั้นพระพุทธองค์ก็ได้พาเอาอสุรินทราหูไปปรากฎยังพรหมโลก ซึ่งก็มีพระพรหมจำนวนมาก พากันมาเข้าเฝ้า และล้วนแต่มีอัตตภาพใหญ่โตกว่าอสุรินทราหูหลายร้อยหลายพันเท่า แต่ทั้งหมดก็ยังมีกายเล็กกว่าพระพุทธองค์ทั้งสิ้นส่วนอสุรินทราหูนั้นต้อง คอยหลบอยู่เบื้องพระปฤษฎางค์ของพระพุทธองค์ตลอดเวลา เพราะความหวาดกลัว
ในที่สุดอสุรินทราหูก็หมดมานะทิฏฐิอันแข็งกระด้าง กลับมีใจเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาและพระพุทธองค์ได้พากลับมายังมนุษย์โลก
ด้วยเหตุนี้ ต่อมาจึงได้มีการสร้างพระพุทธรูปปางโปรดอสุรินทราหูหรือปางไสยาสน์ขึ้น และกลายมาเป็นพระบูชาประจำวันเกิดสำหรับผู้เกิดวังอังคาร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น