ค้นหาบล็อกนี้

วันศุกร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2555

พระมหากรุณาธรณีสูตร






 พระคาถา มหากรุณาธารณีสูตร 
The Great Compassion Mantraพระสูตรที่แสดงถึงความเมตตากรุณาอันยิ่งใหญ่ของพระศรีศากยะมุนีพุทธเจ้า แสดงผ่านพระอวโลกิเตศวร

มหากรุณาคือจิตเมตตากรุณาอันยิ่งใหญ่ไพศาล ธารณีคือมนตร์คาถาหรือคำระหัสแห่งพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์เจ้าที่ได้จากฌานสมา มหากรุณาธารณีจึงเป็นธรรมมูลฐานที่พระพุทธเจ้าทรงประทานให้ด้วยมหาเมตตา ผู้ตั้งใจสวดท่องจึงได้รับผลสนองตอบอันยิ่งใหญ่ ด้วยว่าในขณะสวดท่องธารณีนี้จะปรากฏพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เจ้า พระอรหันต์เจ้า เทพธรรมบาล 84 พระองค์คอยให้ความช่วยเหลือคุ้มครองและนำพาให้บรรลุธรรม


ฉบับแปลจากธิเบต
 นะโม รัตนะตรายายะ นะโมอารยะ อวโลกิเตศะวะรายะ
 โพธิสัตตะวายะ มหาสัตตะวายะ มหากรุณิกายะ
 โอมสะวะละวะติ ศุททะนะ ตัสสะยะ นมัสกฤต วานิมาง
 อาระยะ อวโลกิเต ศะวะระลันตะภา นะโม นิลากันถะ
 ศรีมหาปะฏะศะมิ สระวาทวะตะศุภัม อสิยูม
 สะระวะสัตตะวะ นะโมปะวะสัตตะวะ นะโมภะคะมะภะเตตุ ตัทยะถา
 โอมอวโลกา โลกาเต กาละติ อิศีลี มหาโพธิสัตตะวะ สาโพสาโพ
 มะรามะรา มะศิมะศิ ฤธะยุ คุรุคุรุฆามัม ธูรูธูรูภาษียะติ มหาภาษียะติ
 ธาระธาระ ถิรินี ศะวะรายะ ชะละชะละ มามะภา มะละมุธิรี
 เอหิเอหิ ศินะศินะ อาลลินภะละศรี ภาษาภาษิน การะศะยะ
 หูลุหูลุมะระ หุรุหุรุศรี สะระสะระ สิรีสิรี สุรุสุรุ พุทธายะ พุทธายะ
 โพธายะ โพธายะ ไมตรีเย นิละกันสะตะ ตรีสะระณะ ภะยะมะนะ
 สวาหา สีตายะ สวาหา มหาสีตายะ สวาหา สีตายะเย
 ศะวะรายะ สวาหา นีลากันถิ สวาหา มะละ นะละ สวาหา
 ศรีสิงหะมุขายะ สวาหา สะระวะ มหาอัสตายะ สวาหา
 จักระอัสตายะ สวาหา ปัทมะเกสายะ สวาหา นีละกันเต
 ปันตะลายะ สวาหา โมโผลิศัง กะรายะ สวาหา
 นะโมรัตนะตรายายะ นะโมอารยะ อวโลกิเตศะวะรายะ สวาหา
 โอม สิทธะยันตุ มันตรา ปะทาเยะ สวาหา

ฉบับภาษาจีน• นำ มอ ฮอ ลา ตัน นอ ตอ ลา เหย่ เย • นำ มอ ออ ลี เย • ผ่อ ลู กิด ตี ซอ ปอ ลา เย • ผู่ ที สัต ตอ พอ เย • หม่อ ฮอ สัต ตอ พอ เย • หม่อ ฮอ เกีย ลู นี เกีย เย • งัน• สัต พัน ลา ฮัว อี • ซู ตัน นอ ตัน เซ • นำ มอ สิด กิด ลี ตอ อี หม่ง ออ ลี เย • ผ่อ ลู กิด ตี สิด ฮู ลา เลง ถ่อ พอ • นำ มอ นอ ลา กิน ซี • ซี ลี หม่อ ฮอ พัน ตอ ซา เม • สะ พอ ออ ทอ เตา ซี พง • ออ ซี เย็น • สะ พอ สะ ตอ นอ มอ พอ สะ ตอ นะ มอ พอ เค • มอ ฮัว เตอ เตา • ตัน จิต ทอ • งัน ออ พอ ลู ซี • ลู เกีย ตี • เกีย ลอ ตี • อี ซี ลี • หม่อ ฮอ ผู่ ที สัต ตอ • สัต พอ สัต พอ • มอ ลา มอ ลา • มอ ซี มอ ซี ลี ทอ ยิน • กี ลู กี ลู กิด มง • ตู ลู ตู ลู ฟา เซ เย ตี • หม่อ ฮอ ฮัว เซ เย ตี • ทอ ลา ทอ ลา • ตี ลี นี • สิด ฮู ลา เย • เจ ลา เจ ลา • มอ มอ ฮัว มอ ลา • หมก ตี ลี • อี ซี อี ซี • สิด นอ สิด นอ • ออ ลา ซัน ฮู ลา เซ ลี • ฮัว ซอ ฮัว ซัน • ฮู ลา เซ เย • ฮู ลู ฮู ลู มอ ลา • ฮู ลู ฮู ลู ซี ลี • ซอ ลา ซอ ลา • สิด ลี สิด ลี • ซู ลู ซู ลู • ผู่ ถี่ เย ผู่ ถี่ เย • ผู่ ถ่อ เย ผู่ ถ่อ เย • มี ตี ลี เย • นอ ลา กิน ซี • ตี ลี สิด นี นอ • ผ่อ เย มอ นอ • ซอ ผ่อ ฮอ • สิด ถ่อ เย • ซอ ผ่อ ฮอ • หม่อ ฮอ สิด ถ่อ เย • ซอ ผ่อ ฮอ • สิด ทอ ยี อี • สิด พัน ลา เย • ซอ ผ่อ ฮอ • นอ ลา กิน ซี • ซอ ผ่อ ฮอ • มอ ลา นอ ลา • ซอ ผ่อ ฮอ • สิด ลา เซง ออ หมก เค เย • ซอ ผ่อ ฮอ • ซอ ผ่อ หม่อ ฮอ ออ สิด ถ่อ เย • ซอ ผ่อ ฮอ • เจ กิด ลา ออ สิด ถ่อ เย • ซอ ผ่อ ฮอ • ปอ ทอ มอ กิด สิด ถ่อ เย • ซอ ผ่อ ฮอ • นอ ลา กิน ซี พัน เค ลา เย • ซอ ผ่อ ฮอ • มอ พอ ลี เซง กิด ลา เย • ซอ ผ่อ ฮอ • นำ มอ ห่อ ลา ตัน นอ ตอ ลา เย เย • นำ มอ ออ ลี เย • ผ่อ ลู กิต ตี • ชอ พัน ลา เย • ซอ ผ่อ ฮอ • งัน สิด ติน ตู • มัน ตอ ลา • ปัด ถ่อ เย • ซอ ผ่อ ฮอ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
๑. นำ มอ ฮอ ลา ตัน นอ ตอ ลา เหย่ เย
นำ มอ - ความนอบน้อม
ฮอ ลา ตันนอ - ความเป็นรัตนะ
ตอ ลา เหย่ - 3
เย - นมัสการ
ขอนอบน้อมนมัสการพระไตรรัตน์ทั้งสาม
หมายถึง..การน้อมเอาพระไตรสรณคมน์, พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งที่ระลึก
ผู้ต้องการปฏิบัติให้ถึงพระองค์จะต้องสาธยายมนตราด้วยความมีเมตตากรุณา และเปี่ยมด้วยศรัทธา ไม่ควรสวดด้วยเสียงอันดัง เกรี้ยวกราด และเร่งร้อน

๒. นำ มอ ออ ลี เย

นำ มอ - ความนอบน้อม
ออ ลี - องค์อริยะ
เย - นมัสการ
ขอนอบน้อมนมัสการแด่องค์พระอริยะ ผู้ห่างไกลจากบาปอกุศล
วัตถุประสงค์แห่งบทนี้... พระโพธิสัตว์ทรงสั่งสอนชาวโลกให้ปฏิบัติทางจิตเป็นมูลฐาน พระสัทธรรมทั้งหลายล้วนกำเนิดมาแต่จิต
เหตุนี้ผู้ปฏิบัติจะต้องมีความชัดแจ้งแห่งจิต และมองเห็นสภาวะแห่งตน จึงจะสามารถบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ
เมื่อไม่แจ้งชัดในจิตก็ไม่สามารถเห็นสภาวะแห่งตน หากแต่จิตเป็นอจล มีความมั่นคง ก็สามารถเดินทางสู่พระนฤพานได้
๓. ผ่อ ลู กิด ตี ซอ ปอ ลา เย
ผ่อ ลู กิด ตี - การเพ่ง พิจารณา อีกนัยหนึ่งคือความสว่าง
ซอ ปอ ลา - เสียงของโลกอันเป็นอิสระ
เย - นอบน้อมนมัสการ
ขอนอบน้อมคารวะแด่องค์พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ผู้เพ่งเสียงแห่งสรรพสัตว์ผู้ยาก
พระโพธิสัตว์ผู้สงสารชีวิตแห่งสรรพสัตว์ผู้ตกอยู่ในกองทุกข์ เขาเหล่านั้นล้วนมีความทุกข์อันเกิดจากการหลงลืมสภาวะเดิมของตน จำต้องเวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏ พระองค์พิจารณาตามนี้ จึงเกิดเมตตาจิตที่จะโปรดสัตว์

๔. ผู่ ที สัต ตอ พอ เย
ผู่ ที (โพธิ) - ตรัสรู้
สัต ตอ (สัตว์) - การมีชีวิต อารมณ์
พอเย - น้อมคารวะ
ขอนอบน้อมคารวะต่อผู้ให้ความตรัสรู้แก่ทุกชีวิต
...หากตั้งใจในธรรม นอบน้อมต่อความแจ้งในสภาวะเดิม ก็จะถึงความหลุดพ้น...

๕. หม่อ ฮอ สัต ตอ พอ เย
หม่อ ฮอ - ใหญ่มาก
สัต ตอ - สัตว์โลก หรืออีกนัยหนึ่งหมายถึง ผู้กล้าหาญ
พอ เย - น้อมคารวะ
เมื่อน้อมคารวะผู้กล้าหาญก็มีโอกาสที่จะหลุดพ้น มวลสรรพสัตว์ในโลกอันไพศาล ถ้ารู้สึกตัวแล้วลงมือปฏิบัติ ล้วนถึงความหลุดพ้นได้

๖. หม่อ ฮอ เกีย ลู นี เกีย เย
หม่อ ฮอ -ใหญ่มาก
เกีย ลู - กรุณา
นี เกีย - จิต
เย - คารวะ
ขอนอบน้อมคารวะต่อผู้มีมหากรุณาจิต

๗. งัน
งัน (โอม) - นอบน้อม
ขอนอบน้อม บูชาถวาย
... พระโพธิสัตว์เป็นผู้มีความเมตตากรุณาไม่มีประมาณ นำสัทธรรมอันเป็นความดับสูญโดยแท้จริง ปลุกให้มนุษย์ฟื้นคืนสภาวะเดิมที่มีอยู่ เข้าถึงสัทธรรมอันบริสุทธิ์

๘. สัต พัน ลา ฮัว อี
สัต พัน ลา - อิสระ
ฮัว อี - อริยะ
องค์อริยะผู้อิสระ ผู้มีกายใจอันบริสุทธิ์สะอาด
...กาย ใจ จะบริสุทธิ์ได้ ต้องตั้งอยู่ในสัจธรรม ปฏิบัติตนอยู่ในศีล

๙. ซู ตัน นอ ตัน เซ
การปฏิบัติธรรมต้องถือความสัจเป็นพื้นฐาน ใช้ความเพียรเป็นเครื่องมือเพื่อบรรลุสู่อริยสัจ
...หากการปฏิบัติธรรมไม่ประกอบด้วยความสัจ ก็จะไม่พบหนทางสู่ความสำเร็จ เนื่องจากความสัจนั้นเป็นธรรมที่ปราศจากการหลอกลวง จิตจึงรวมเป็นหนึ่งได้
เมื่อมีความสัจ ก็จะมีความเข้าใจ เมื่อเข้าใจก็จะมองเห็นความปลอดโปร่ง เมื่อปลอดโปร่งก็จะเกิดความเปลี่ยนแปลง และกลับกลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น

๑๐. นำ มอ สิด กิด ลี ตอ อี หม่ง ออ ลี เย
นำ มอ - นอบน้อม
สิด กิด ลี ตอ อี หม่ง - ผู้ปฏิบัติธรรมย่อมได้รับความคุ้มครองจากพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์
ออ ลี เย - การปฏิบัติธรรมจะรีบร้อนให้ได้ผลในทันทีย่อมเป็นไปไม่ได้
...ผู้ที่จะน้อบน้อมเข้าถึงองค์อริยะ จำต้องปฏิบัติธรรมโดยมานะพากเพียร มีจิตใจมั่นคงเป็นหนึ่ง จะกระทำโดยเร่งรีบไม่ได้ ต้องทำใจให้ว่างเข้าถึงองค์แห่งพระธรรมคัมภีร์ หมั่นในการปฏิบัติตามหลักธรรม มีความคิดดำริมั่นที่จะก้าวข้ามห้วงแห่งโอฆะ คิดจะกระทำประโยชน์แก่สรรพชีวิต

๑๑. ผ่อ ลู กิด ตี สิด ฮู ลา เลง ถ่อ พอ
ผ่อ ลู กิด ตี - จิตต้องกับธรรม
สิด ฮู ลา - ท่องเที่ยวไปอย่างอิสระ
เลง ถ่อ พอ - เนื่องด้วยสำเร็จในมรรคผล
...ผู้ปฏิบัติต้องจงใจมุ่งไปข้างหน้า ฝึกฝนให้กายและจิตรวมเป็นหนึ่ง (เอกัคคตา)

๑๒. นำ มอ นอ ลา กิน ซี
นำ มอ - นอบน้อม
นอ ลา กิน ซี - การคุ้มครองคนดี นักปราชญ์ นักปฏิบัติ
..ด้วยความเมตตากรุณาของพระโพธิสัตว์ ทรงย้ำเตือนให้ยึดถือพระไตรสรณาคมน์ ต้องปฏิบัติตนอยู่ในมนุษยธรรม ทำตนเป็นตัวอย่างเพื่อให้สาธุชนรุ่นหลังได้รับรู้เป็นแบบอย่างและเจริญรอยตาม
สาธุชนผู้ปฏิบัติตามพระพุทธองค์และพระธรรมยิ่งต้องมีความเมตตากรุณาจิตและโพธิจิตเพื่อโปรดสัตว์ รักษาพระธรรมยิ่งกว่าชีวิตและเผื่อแผ่ทั่วไปไม่มีประมาณ

๑๓. ซี ลี หม่อ ฮอ พัน ตอ ซา เม
ซี ลี หม่อ ฮอ - ความเมตตากรุณาอันไพศาล สามารถบำบัดทุกข์บำรุงสุขได้
พัน ตอ ซา เม - ผู้มีบุญวาสนาจะได้รับการคุ้มครองจากเทพเจ้า มารทั้งหลายไม่สามารถมารบกวนได้
...พระโพธิสัตว์เล็งเห็นว่าชาวโลกถือเอาความรวย, มีชื่อเสียง, ศักดินา เป็นที่นิยมศรัทธา อันเป็นการเพิ่มพูนความทุกข์
พระองค์จึงเตือนจิตให้มนุษย์ จงผ่อนใจในทางโลก โน้มน้าวจิตใจมาในทางมรรคผล เมื่อจิตว่างแล้ว พระสัทธรรมอันพิสุทธิ์ก็จะเจริญขึ้น

๑๔. สะ พอ ออ ทอ เตา ซี พง
สะ - การได้เห็น
พอ - เสมอภาค
ออ - พระสัทธรรมอันบริสุทธิ์
ทอ เตา ซี พง - ธรรมไม่มีขอบเขต
...ทุกคนที่ปฏิบัติสามารถรู้ได้เห็นได้ และบรรลุสู่พระพุทธภูมิได้โดยเสมอกัน

๑๕. ออ ซี เย็น
ผู้ที่ทำความดีย่อมได้รับการชมเชย ผู้ทำบาปจะต้องสำนึกและขอขมาโทษ

๑๖. สะ พอ สะ ตอ นอ มอ พอ สะ ตอ นะ มอ พอ เค
สะ พอ สะ ตอ - พุทธธรรมอันไม่มีขอบเขตสิ้นสุด สรรพสัตว์ในโลกนี้ล้วนสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าได้
นอ มอ พอ สะ ตอ - พุทธธรรมเป็นความเสมอภาค มิได้แบ่งแยกเป็นสูงหรือต่ำ
นะ มอ พอ เค - พุทธธรรมมีความไพศาล ผู้ปฏิบัติตามจะสามารถระงับภยันตรายทุกสิ่ง
...ไม่ว่านักปราชญ์หรือผู้โง่เขลา เบาปัญญา คนหรือสัตว์ ล้วนสามารถหลุดพ้นได้ ถ้าเขาเหล่านั้นปฏิบัติธรรมด้วยความสัจ

๑๗. มอ ฮัว เตอ เตา
ผู้ปฏิบัติต้องถือพระสัทธรรมเป็นสูญ ไม่ข้องแวะ ไม่ติดในรูป ไม่ยึดในจิต ถือเอาสัจธรรมเป็นใหญ่ และต้องละความวิตกกังวล กำจัดความโกรธ ความโลภ ความหลง โดยใช้หลักแห่งปัญญาดับกิเลสให้จิตสงบ เป็นอยู่ในโลกนี้โดยสันติสุข

๑๘. ตัน จิต ทอ
ความศรัทธาจริงอันต่อเนื่องกัน จิตต้องตรงกับพระธรรม ห้ามมิให้มีความคิดทางโลกเกิดขึ้นโดยเด็ดขาด
ทั้งนี้ เนื่องจากว่าหากปล่อยให้ความคิดทางโลก เกิดขึ้นในจิต กาย ใจ ก็จะไม่บริสุทธิ์ ทำให้เกิดการขัดแย้งกับพระธรรม ไม่อาจจะพบความสันติสุขได้

๑๙. งัน ออ พอ ลู ซี
งัน - นอบน้อม เป็นบทนำ
ออ พอ ลู ซี - เป็นพระโพธิสัตว์ หมายถึงพระธรรมคือความสะอาดจิตสะอาดสดใสไร้ราคะ
ผู้ปฏิบัติธรรมต้องมีจิตใจที่เด็ดเดี่ยว ไม่หวั่นไหวต่อการก่อกวนของเหล่ามาร(กามกิเลส) หากสามารถตั้งจิตข่มจิตสำรวมกาย วาจา และจิต ละทิ้งโลกาวิสัยทั้งหมดก็จะเข้าถึงพุทธสภาวะที่มีอยู่เดิม
.. ถ้าทำให้จิตมีความสงบนิ่งอยู่ทุกขณะ ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน ก็จะมีความสำเร็จในธรรมโดยมิรู้ตัว
..พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ รวมทั้งพระโพธิสัตว์เจ้าได้หลุดพ้นในขณะที่อยู่ในโลกอันมากล้นไปด้วยกิเลสนี้

๒๐. ลู เกีย ตี
เป็นโลกนาถ มีความเป็นอิสระ
...มีกุศลจิตสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มัวหมอง มีรัศมีสว่างรอบกาย และสามารถร่วมกับดินฟ้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
รักษาความมีกุศลจิต อย่าทำลายตนเอง อย่าหลงผิดเป็นชอบ
สิ่งสำคัญ...ต้องรักษาจิตให้บริสุทธิ์

๒๑. เกีย ลอ ตี

ผู้มีความกรุณา ผู้ปลดปล่อยทุกข์ เป็นผู้มีจิตในทางธรรม ดำรงมรรคมั่นคง มีสติปัญญาเฉียบแหลมยิ่งใหญ่
...เมื่อจิตมีความสงบก็สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งชั่วร้ายให้กลับกลายเป็นดี

๒๒. อี ซี ลี

กระทำตามโอวาท อย่ามีจิตหลงผิด

๒๓. หม่อ ฮอ ผู่ ที สัต ตอ

หม่อ ฮอ - ความไพศาลของพุทธธรรม ทุกคนน้อมนำไปปฏิบัติได้
ผู่ที - เห็นโลกนี้เป็นสูญ
สัต ตอ - การเน้นปฏิบัติอนัตตธรรม มองเห็นสรรพธรรมเป็นสูญ
มองความรุ่งเรืองแห่งลาภยศ สรรเสริญเป็นสูญ มองให้เห็นเป็นเงาลวง ทำจิตใจร่างกายให้หมดจด

๒๔. สัต พอ สัต พอ

พุทธธรรมมีความเสมอภาค อีกทั้งยังอำนวยประโยชน์สุขแก่สัตว์โลก ผู้ที่มีปัจจัยแห่งบุญย่อมได้รับความสุข

๒๕. มอ ลา มอ ลา

ผู้ปฏิบัติจะได้มีมโนรถแก้วมณี แก้วมณีนี้แจ่มใสไม่มีอะไรขัดข้อง
...ความคิดคำนึงเกิดมาแต่จิต จิตเป็นใหญ่ จิตเป็นประธานแห่งบุญและบาป ผู้ปฏิบัติต้องกำจัดความคิดอันเป็นอกุศล ความคิดฟุ้งซ่าน ระงับความวิตกกังวล เพียรพยายามเสาะหาสัจธรรม ชำระล้างอายตนะภายในให้สะอาดพิสุทธิ์ ละความห่วงใยใดๆให้สิ้นเชิง

๒๖. มอ ซี มอ ซี ลี ทอ ยิน

มอ ซี - ความมีอิสระทันที ผู้ปฏิบัติไม่มีเวลาใดที่ไม่เป็นอิสระคือมีอิสระทุกเมื่อ
ลี ทอ ยิน - การปฏิบัติกระทั่งสำเร็จวิชชาธรรมกาย มีอาสน์ดอกบัวรองรับ
โดยปกติแล้วผู้ที่มีจิตว่างก็จะมีความสะอาดทั้งกายและจิต เมื่อลงมือปฏิบัติแล้วก็สามารถบรรลุมรรคผลได้ และก็จะตั้งอยู่เช่นนั้น ไม่มีวันเสื่อมถอย

๒๗. กี ลู กี ลู กิด มง

กี ลู - การเกิดความคิดปฎิบัติธรรมสามารถบันดาลให้เทพเจ้ามาปกปักรักษา
กิด มง - ผู้ปฏิบัติจะต้องสร้างสมบุญบารมีเพื่อเป็นพื้นฐานในการบรรลุสู่มหามรรค (มรรคผล-นิพพาน)

๒๘. ตู ลู ตู ลู ฟา เซ เย ตี

ตู ลู - ผู้ปฏิบัติจะต้องยืนให้มั่นตั้งใจปฏิบัติ ไม่หลุ่มหลงด้วยพวกเดียรถี มีความแน่วแน่ มีสมาธิ มีความสงบ
ฟา เซ เย ตี - มีความบริสุทธิ์อันยิ่งใหญ่สามารถข้ามพ้นสังสารวัฏได้

๒๙. หม่อ ฮอ ฮัว เซ เย ตี

พระสัทธรรมอันไพศาล สามารถระงับความเกิดดับแห่งกิเลสได้ ภัยพิบัติต่างๆไม่แผ้วพาน ทุกคนสามารถสำเร็จเป็นพุทธะได้เหมือนหัน
...กำจัดความหลงผิด ความเห็นแก่ตัว ปล่อยวางปัจจัยทางโลก

๓๐. ทอ ลา ทอ ลา

เมื่อปฏิบัติจิตให้มีสภาพเหมือนอากาศอันโปร่งใส ไร้ละอองธุลีแม้แต่น้อย ก็จะได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นพรหมได้

๓๑. ตี ลี นี

ตี - โลก
ลี - สัตว์ทั้งหลายล้วนสามารถรับการโปรดได้
นี - พรหมจาริณีที่ปฏิบัติธรรมอยู่

๓๒. สิด ฮู ลา เย

เมื่อปฏิบัติธรรมเข้าถึงความสมบูรณ์แห่งสภาวะเดิมแล้ว จะมีความสว่างปรากฏในกายของตน

๓๓. เจ ลา เจ ลา

ความโกรธ ดุ สุรเสียงที่เปล่งออกมาดุจเสียงคำรามของฟ้า กระหึ่มไปทั่วสารทิศ
...ธรรมเหมือนดังฟ้าร้องคำรามไปทุกสารทิศ เป็นเสียงแห่งพรหมเมื่อเหล่ามารได้ยินศัพท์สำเนียงนี้ ก็จะเกิดความสะดุ้งกลัว

๓๔. มอ มอ ฮัว มอ ลา

มอ มอ - การกระทำดี สามารถทำลายความกังวลแห่งภยันตรายได้
ฮัว มอ ลา - ธรรมะเป็นสิ่งลึกซึ้ง เข้าใขยาก และมีความศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถประมาณ หรือคาดคิดได้ เป็นประโยชน์ที่ไม่มีสิ่งใดทัดเทียม

๓๕. หมก ตี ลี

หลุดพ้น
...ผู้ปฏิบัติได้เช่นนี้ ย่อมบรรลุสู่ภูมิแห่งพุทธ

๓๖. อี ซี อี ซี

การชักชวนตามพระศาสนา ทุกสรรพสิ่งให้ดำเนินไปตามธรรมชาติ
...ทุกสิ่งปล่อยให้ดำเนินไปตามเหตุปัจจัยปรุงแต่ง อย่าฝืนกระทำตามใจชอบ

๓๗. สิด นอ สิด นอ

เป็นมหาสติ มีจิตใจมั่นคงสามารถเข้าสู่มหาปัญญา
..ผู้ปฏิบัติธรรม มีความสว่างแห่งสติปัญญาอยู่ ถ้าใช้จิตนี้เป็นฐานใช้ธรรมให้เป็นประโยชน์ ก็จะได้รับฐานธาตุที่สดชื่น
แต่หากไม่มีจิตใจมั่นคงกำจัดกิเลสในตนไม่หมด ก็ไม่มีทางที่จะให้ความว่างแห่งสติปัญญาที่มีอยู่ดั้งเดิมปรากฏออกมาได้เลย.

๓๘. ออ ลา ซัน ฮู ลา เซ ลี

ออ ลา ซัน - ความผ่านธรรมไปถึงธรรมราชา มีความอิสระในธรรม
ฮู ลา เซ ลี - การได้พระธรรมกายอันบริสุทธิ์ ได้ดวงแก้วแห่งพระรัตนะ

๓๙. ฮัว ซอ ฮัว ซัน

ฮัว ซอ - ผู้ที่มีธรรม ตั้งอยู่ในขันติธรรม
ฮัว ซัน - ผู้บรรลุธรรม มีความสุขอันแท้จริงยากจะบรรยาย
เป็นการอนุโมทนาตามเหตุตามปัจจัย
...ความสุขที่แท้จริง จะต้องได้จากการปฏิบัติที่ยากลำบาก ถ้าสามารถอดทนต่อความยากลำบากก็จะเข้าถึงความสุขอันยิ่งได้

๔๐. ฮู ลา เซ เย

จะต้องมีความรู้ด้วยตนเอง ผู้จะบรรลุธรรมหากสามารถละการยึดเกี่ยวเข้าถึงสภาวะดั้งเดิม ก็จะพบพระพุทธเจ้าได้ทุกพระองค์

๔๑. ฮู ลู ฮู ลู มอ ลา

การประกอบพิธีตามปรารถนา ประกอบพิธีกรรมไม่ละจากตัวตน

๔๒. ฮู ลู ฮู ลู ซี ลี

การประกอบธรรม โดยปราศจากความคิดคำนึงมีความเป็นอิสระสูง

๔๓. ซอ ลา ซอ ลา

ผู้ปฏิบัติเพียงแต่มีความมุ่งมั่น มีความเพียรพยายามอย่างต่อเนื่อง มีจิตอันเป็นหนึ่งเดียว ก็จะได้เห็นองค์พระโพธิสัตว์

๔๔. สิด ลี สิด ลี

ความเป็นมหามงคลอันสูงสุด สามารถอำนวยประโยชน์ และคุ้มครองสรรพสัตว์โดยไม่ละทิ้ง

๔๕. ซู ลู ซู ลู

น้ำอมฤตทานสามารถอำนวยประโยชน์แก่สัตว์โลกทั้งปวง

๔๖. ผู่ ถี่ เย ผู่ ถี่ เย

การตรัสรู้ธรรม ตรัสรู้ถึงภูมิจิต ผู้ที่ปฏิบัติจะต้องมีความวิริยะพากเพียรอย่างแรงกล้า ปฏิบัติทุกวันทุกคืนเสมอต้นเสมอปลายไม่ท้อถอย

๔๗. ผู่ ถ่อ เย ผู่ ถ่อ เย

เป็นการรู้ในธรรม รู้ในจิต ผู้ปฏิบัติจะต้องถือ “ตัวเขา-ตัวเรา” เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่เพียงแต่ไม่เห็นลักษณะตัวเขาตัวเรา แม้สรรพสัตว์ในทุคติ ก็ต้องถือว่าเท่าเทียมกับเรา

๔๘. มี ตี ลี เย

มหากรุณา ให้ผู้ปฏิบัติต้องเจริญเมตตากรุณาจิต เพื่อให้สรรพสัตว์เข้าถึงโพธิมรรค
...รักในตนเองเท่าใด ก็ให้รักผู้อื่นเท่านั้น

๔๙. นอ ลา กิน ซี

นักปราชญ์ผู้รักษาตนเองได้ มีมหากรุณาจิต
...ผู้ปฏิบัติจะต้องเคารพนักปราชญ์ เห็นผู้ทำดีจะต้องช่วยกันรักษา ผู้ที่เกิดความท้อถอยก็ต้องส่งเสริมให้กำลังใจ

๕๐. ตี ลี สิด นี นอ

ความคมของวัชระ ให้คนเรามีความมั่นคงในการปฏิบัติธรรม

๕๑. ผ่อ เย มอ นอ

สุรเสียงก้องไปสิบทิศ เป็นสุรเสียงแห่งความปิติยินดี

๕๒. ซอ ผ่อ ฮอ

ความสำเร็จผล มงคล นิพพาน ระงับภัยเพิ่มพูลประโยชน์ พระสัทธรรมไม่เกิดไม่ดับ เป็นสภาวะอันสงบมาแต่เดิม

๕๓. สิด ถ่อ เย

ความสำเร็จในธรรมทั้งหลาย เข้าถึงพระวิสุทธิมรรคปราศจากขอบเขตอันจำกัด สรรพสัตว์เพียงแต่ละวางจากลาภยศชื่อเสียง ก็จะเข้าถึงความหลุดพ้นได้

๕๔. ซอ ผ่อ ฮอ

ผู้ปฏิบัติถ้าเห็นแจ้งในพระสัจธรรมและความหลอกลวง(ไม่แท้) ก็จะสำเร็จได้ง่าย

๕๕. หม่อ ฮอ สิด ถ่อ เย

ความไพศาลของพระพุทธธรรม ผู้ใดน้อมนำไปปฏิบัติจะสำเร็จในพระพุทธผล

๕๖. ซอ ผ่อ ฮอ

เน้นย้ำประโยชน์ในการปฏิบัติธรรม

๕๗. สิด ทอ ยี อี

สิด ทอ - ความสำเร็จ
ยี อี - ความว่างเปล่า
ทวยเทพเจ้าต่างได้รับความสำเร็จอันเป็นความว่างเปล่า (สุญญตาธรรม)

๕๘. สิด พัน ลา เย

เป็นความอิสระสมบูรณ์ เป็นการกล่าวถึงบรรดาเทพีที่ต่างสำเร็จในอิสระธรรม

๕๙. ซอ ผ่อ ฮอ

อสังสกฤตธรรมนั้น เป็นสภาวธรรมที่สมบูรณ์โดยอิสระ เป็นการประกาศมหามรรคที่ยิ่งใหญ่มีผลที่ลึกซึ้ง

๖๐. นอ ลา กิน ซี

ความสำเร็จด้วยความรัก ความเมตตากรุณา การปกปักษ์รักษา

๖๑. ซอ ผ่อ ฮอ

แสดงถึงความเมตตากรุณาของพระโพธิสัตว์

๖๒. มอ ลา นอ ลา

มอ ลา - มโนรถ ความหวัง ความประสงค์
นอ ลา - อนุตตรธรรม
การปฏิบัติอนุตตรธรรมสมดังประสงค์

๖๓. ซอ ผ่อ ฮอ

พระโพธิสัตว์มุ่งเน้นให้คนปฏิบัติธรรม อีกทั้งยังเปิดเผยหัวใจอันลึกซึ้งของมหามรรคนี้

๖๔. สิด ลา เซง ออ หมก เค เย

เป็นการแสดงความรักของพระโพธิสัตว์ต่อหมู่ชน

๖๕. ซอ ผ่อ ฮอ

(ต่อเนื่องกับบทก่อน) คนเรานั้นมีโรคทางจิตเป็นภัยคุกคาม พระธรรมโอสถเท่านั้นที่สามารถรักษาให้หายได้

๖๖. ซอ ผ่อ หม่อ ฮอ ออ สิด ถ่อ เย

ซอ ผ่อ หม่อ ฮอ - สัตว์ทุกประเภทมีความเสมอภาคเท่าเทียมกัน สามารถบรรลุพระสัมมาสัมโพธิได้เหมือนกัน
ออ สิด ถ่อ เย - สรรพสัตว์มีโอกาสร่วมรับความสุขสบายทั่วถึงกัน
บุคคลมีขันติธรรมก็จะเข้าถึงธรรมได้ด้วยดี สามารถสำเร็จพระสัมมาสัมโพธิญาณได้ไม่จำกัด

๖๗. ซอ ผ่อ ฮอ

(ต่อเนื่องกับบทก่อน) ความเมตตาอันสูงสุด

๖๘. เจ กิด ลา ออ สิด ถ่อ เย

เจ กิด ลา - การใช้วชิรจักรปราบเหล่ามาร
ออ สิด ถ่อ เย - ความสำเร็จอันไม่มีสิ่งใดเทียบได้
การใช้วชิรธรรมจักร ปราบเหล่ามารศัตรูได้รับความสำเร็จ

๖๙. ซอ ผ่อ ฮอ

(ต่อเนื่องกับบทก่อน) สรรพสัตว์ทั้งหลายล้วนสำเร็จในความบริสุทธิ์ได้ จึงไม่ควรประกอบอกุศลกรรมทั้งหลาย

๗๐. ปอ ทอ มอ กิด สิด ถ่อ เย

ปอ ทอ มอ กิด - พุทธธรรมเป็นธรรมที่ไม่มีขอบเขต จะต้องปฏิบัติเพื่อได้รับความสุขร่วมกัน
สิด ถ่อ เย - ย้ำเตือนให้ผู้ปฏิบัติจะต้องประกอบด้วยสติปัญญาเพื่อการหลุดพ้น ละจากกิเลส

๗๑. ซอ ผ่อ ฮอ

(ต่อเนื่องกับบทก่อน) ผู้ปฏิบัติไม่ยึดในทางใดทางหนึ่ง ปฏิบัติโดยการพิจารณา พร้อมทั้งมีหิริโอตตัปปะ
..มรรคผลนั้นสำเร็จได้ด้วยตนเอง สำเร็จได้ด้วยการพิจารณา
ในทุกขณะจะต้องพิจารณาจิตของตน รักษาไว้ในทุกเหตุปัจจัยไม่ให้วิตกจิตเกิดขึ้นได้

๗๒. นอ ลา กิน ซี พัน เค ลา เย

นอ ลา กิน ซี - รักษาไว้ด้วยความเป็นภัทร
พัน เค ลา เย - เถระเพ่งโดยอิสระ
เป็นที่รักของผู้เจริญ เป็นที่รักของพระอริยะ

๗๓. ซอ ผ่อ ฮอ

(ต่อเนื่องกับบทก่อน) การปฏิบัติให้ถือเอาสัมมาจิต และความมีสัจเป็นหลัก

๗๔. มอ พอ ลี เซง กิด ลา เย

มอ พอ ลี เซง - ผู้กล้า
กิด ลา เย - สภาวะเดิม
คุณธรรมจะสำเร็จได้ ด้วยสภาวะแห่งเมตตาธรรม หากจิตตั้งอยู่ในอกุศลก็ย่อมเป็นการยากที่จะสำเร็จพระอนุตตรธรรม

๗๕. ซอ ผ่อ ฮอ

เป็นการรวมเอาพระคาถาทั้งหมดแห่งมหากรุณาธารณีสูตรมาไว้ในประโยคนี้ มีนัยบ่งบอกถึงความเมตตากรุณาของพระโพธิสัตว์ เพื่อโปรดเหล่าสรรพสัตว์ทั้งปวงให้ได้รับหิตานุหิตประโยขน์ มีพระสัมมาสัมโพธิเป็นหลักชัย

๗๖. นำ มอ ห่อ ลา ตัน นอ ตอ ลา เย เย

เน้นย้ำให้พยายามควบคุมกายใจไม่ให้ลื่นไหลไปตามอารมณ์ที่มากระทบ โน้มนำเอาฌานสมาธิเพ่งการเกิดการดับ

๗๗. นำ มอ ออ ลี เย

เป็นการสาธยายมนต์สรรเสริญพระอริยะ และกล่าวย้ำถึงการปฏิบัติธรรม ต้องละความเป็นตัวตน, บุคคล, เรา-เขา จึงสามารถไม่ให้เกิดความคิดนึกอันเป็นบ่อเกิดแห่งทุกข์ได้
...ความนึกคิดติดยึดไม่เกิด ความเข้าใจถึงธรรมก็จะเป็นที่หวังได้

๗๘. ผ่อ ลู กิต ตี

พระสัทธรรมไม่มีความสิ้นสุด บรรดาผู้ปฏิบัติธรรมย่อมมีความบริสุทธิ์เป็นเครื่องอยู่ นำทางสู่แดนสุขาวดี
...มีการเกิดย่อมต้องมีการตาย มีความชนะย่อมต้องมีความพ่ายแพ้...
แต่ชาวโลกผู้ตกอยู่ภายใต้อวิชชากลับยินดีต่อการเกิดเกลียดชังความตาย ท้ายที่สุดก็ต้องตายอยู่นั่นเอง
ฉะนั้นหากต้องการรอดพ้นจากความตาย จะต้องค้นหาความเป็นในความตายให้ได้เสียก่อน

๗๙. ชอ พัน ลา เย

ผู้ปฏิบัติต้องสำรวมตาเห็นรูป ไม่ปรุงแต่งไปตามรูปที่มองเห็น

๘๐. ซอ ผ่อ ฮอ

(ต่อเนื่อง) สำรวมหูฟังเสียง ไม่ปรุงแต่งไปตามเสียงที่ได้ยิน

๘๑. งัน สิด ติน ตู

สำรวมจมูกดมกลิ่น ไม่ปรุงแต่งไปตามกลิ่นที่จมูกดม

๘๒. มัน ตอ ลา

สำรวมลิ้นรับรส ไม่ปรุงแต่งไปตามรสที่ลิ้นรับ

๘๓. ปัด ถ่อ เย

สำรวมกายถูกต้องสัมผัส ไม่ปรุงแต่งไปตามที่ร่างกายถูกต้องสัมผัส

๘๔. ซอ ผ่อ ฮอ

สุดท้ายสำรวมใจรับรู้อารมณ์ ไม่ปรุงแต่งให้เกิดอารมณ์ใดๆที่ใจรับรู้
รวมเรียกว่าสำรวมอินทรีย์ ๖ อันมี ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ บรรลุเป็นโพธิสัตว์อันบริสุทธิ์
บุญวาสนาที่ได้สวดมหากรุณามนตร์คาถา 1) มีความสุขสบาย ปราศจากโรคภัย มีอายุวัฒนะ ได้ความมั่งคั่ง กำจัดความบาปอกุศลกรรมทั้งหลายที่ได้ทำไว้ ปราศจากภยันตราย เพิ่มพูลบุญวาสนาสำเร็จผลในกุศลอินทรี พ้นจากความหวั่นกลัวเมื่อจะถึงแก่กรรม จะได้ไปจุติตามทุกพุทธเกษตรดังที่ต้องการ

2) ผู้ที่สวดมนตร์นี้ จะรักษาโรคแปดหมื่นสี่พันชนิดในโลกนี้ให้หายได้

3) เมื่อไปนั่งเพ่งฌานสมาธิตามป่าภูเขา ถ้ามีภูตผีปีศาจมารบกวน สวดมนตร์จบเดียว พวกผีถูกจองจำไว้หมด

4) ถ้าสวดตามวิธีแล้ว พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ จะให้เทพเจ้าและวชิระธรติดตามปกปักษ์รักษา ไม่ให้ห่างไปจากผู้นั้น เสมือนป้องกันดวงชะตา และ ชีวิตของตน

5) ถ้าสรรพสัตว์ขอพรในชาตินี้ประการใดๆ ให้สมาทานศีล และ กินเจ 21 วัน โดยบริสุทธิ์ และ สวดธารณีนี้ จะได้สมความประสงค์ทุกประการ
ความวิเศษยอดเยี่ยมของมหากรุณามนตร์
1) มนตร์ นี้ ตรัสโดยพระพุทธเจ้าจำนวน 99 โกฎิเมล็ดทราย แม่น้ำคงคาในอดีตกาลพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ ได้รับจากพระตถาคตเจ้าพระสหัสประภาราชศานติสถิตย์พุทธเจ้า ในขณะนั้น พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ยังอยู่ในปฐมภูมิ เมื่อได้ฟังคถามนตร์นี้แล้วก็เข้าถึง ภูมิที่8 ทันที มีความปลื่มปิติยินดี จึงได้ตั้งปณิธาน ประกาศมนตร์นี้ เพื่ออำนวยความสุขสบายแก่สรรพสัตว์ แล้วก็เกิดสนองปณิธานทันที่ โดยมีพันกร พันเนตรเกิดขึ้นจากร่างกายฉับพลัน

2) พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ทูลแด่พระพุทธองค์ว่า " หากสรรพสัตว์สวดท่องมหากรุณามนตร์ แล้วไม่สามารถไปจุติในพุทธเกษตร หรือ ไม่ได้ปฎิภาณสมาธิอันเป็นอมิต และ ไม่สมความต้องการทุกสิ่งในชาตินี้ เราจะไม่ยอมบรรลุสัมมาพุทธิ เว้นไว้แต่ผู้ที่มีจิตใจบาป และ ไม่มีความศรัทธา "

3) ผู้ที่สวดท่องธารณีนี้อยู่เสมอ ท่านผู้นี้ คือ
1. พุทธกายปิฎก ด้วยพระพุทธเจ้า 99 โกฎิเมล็ดทราย แม่น้ำคงคาปกปักษ์รักษาอยู่
2. เป็นแสงสว่างปีฏก ด้วยพระตถาคตทุกองค์ ส่องแสงสว่างให้อยู่
3. เมตตากรุณาปีฏก ด้วยพระธารณีโปรดสัตว์อยู่เสมอ
4. เป็นสุธรรมปีฏก ด้วยรวบรวมสรรพธารณีอยู่
5. เป็นฌาญสมาธิปิฎก ด้วยสมาธิร้อยพันปรากฎต่อหน้าอยู่
6. เป็นอากาศปีฏก บรรดานาค เทพ อารักขาอยู่
8. เป็นสุพจน์ปีฏก ด้วยเสียงแห่งธารณีไม่ขาดอยู่
9. เป็นนิจสถิตย์ปีฎก ด้วยภัยทั้ง 3 ทุกลัปไม่สามารถมาทำลายอยู่
10. เป็นโมกขปีฎก ด้วยมารและเดียรถีย์ ไม่สามารถขัดขวางได้
11. เภษัชราชปีฏก ด้วยใช้ธารณีนี้รักษาโรคของสรรพสัตว์อยู่เสมอ
12. เป็นอภินิหารปีฎก ด้วยสามารถท่องเที่ยวไปตามพุทธเกษตรๆ ด้วยความอิสระอยู่

บุญวาสนาของท่านผู้นี้ ไม่สามารถจะสรรเสริญได้หมดสิ้น
พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร กล่าวไว้ว่า หากสรรพสัตว์ สวดพระคาถานี้ ด้วยจิตตั้งมั่น แล้ว ขอ พรในชาตินี้ หากไม่สมพร เราจะไม่ขอ บรรลุเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

มหากรุณาธารณี (สันสกฤต: महा करुणा धारनी, จีน: 大悲咒: ธารณีว่าด้วยความกรุณาอันยิ่งยิ่งใหญ่) หรือ นิลกัณฐธารณี (สันสกฤต: नीलकण्ठ धारनी : ธารณีว่าด้วยพระผู้มีศอสีนิล) เป็นชื่อบทสวด (ธารณี) สำคัญในพระพุทธศาสนามหายาน เป็นธารณีประจำองค์พระอวโลกิเตศวร ปางสหัสภุชสหัสเนตร (พันหัตถ์พันเนตร) ในภาษาจีนเรียกธารณีนี้ว่า ไต่ปุ่ยจิ่ว (จีนตัวเต็ม: 大悲咒; จีนตัวย่อ: 大悲咒; พินอิน: Dàbēi zhòu; "ต้าเปยโจ้ว" ตามสำเนียงจีนกลาง) มีต้นกำเนิดจากพระสูตรมหายานภาษาสันสกฤตของอินเดีย พระภควธรรมเถระชาวอินเดียนำเข้าไปแปลในประเทศจีนสมัยราชวงศ์ถัง และมีฉบับแปลเป็นภาษาทิเบตด้วย
มหากรุณาธารณีเป็นมนตร์อันเกิดจากความเมตตากรุณาอันยิ่งใหญ่ของพระอวโลกิเตศวร ที่มีต่อสรรพสัตว์ที่ตกทุกข์ในโลก ในคัมภีร์กล่าวว่าธารณีนี้มีชื่อต่าง ๆ กัน เช่น มหาไวปุลยสัมปุรณธารณี, อกิญจนมหากรุณาธารณี, อายุวัฒนธารณี, วิกรมอุตตรภูมิธารณี, มโนมัยอิศวรธารณี เป็นต้น อักษรหนึ่งตัวและประโยคหนึ่งในบทธารณีมนตร์นี้ ล้วนขยายเป็นอรรถธรรม อันจะนำเข้าถึงพระสัมมาสัมโพธิญาณ

ในประเทศไทยธารณีสูตรฉบับนี้ได้แปลโดยหลวงจีนคณาจีนพรต (เย็นบุญ) เจ้าอาวาสวัดทิพย์วารีวิหาร แขวงบ้านหม้อ เขตพระนคร กรุงเทพ ในคัมภีร์สันสกฤตของมหายานคือคัมภีร์ "สหัสภุชสหัสเนตรอวโลกิเตศวรโพธิสัตวไวปุลยสัมปุรณอกิญจนมหากรุณาจิตธารณีสูตรมหากรุณามนตระ" นำเข้าไปแปลในจีนโดยพระภควธรรม ชาวอินเดีย ในสมัยราชวงศ์ถัง ได้กล่าวถึงบทสวดธารณีแห่งพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร คือ มหากรุณาหฤทัยธารณี อันจะยังอานิสงส์ความศักดิ์สิทธิ์ให้บังเกิดขึ้นแก่ผู้สวดนานัปการ
เนื้อหากล่าวถึงเมื่อครั้งที่พระศากยมุนีสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ โปตาลกะบรรพต ในกาลนั้น พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ได้ขอพุทธานุญาตแสดงธารณีมนตร์อันศักดิ์สิทธิ์ไว้ เพื่อเป็นที่พึ่งแก่สรรพสัตว์ ซึ่งธารณีนี้ย้อนไปในครั้งกาลสมัยของพระพุทธเจ้านามว่าพระสหัสประภาศานติสถิตยตถาคต พระพุทธเจ้าพระองค์นั้นได้ตรัสธารณีนี้แก่พระอวโลกิเตศวร และตรัสว่า "สาธุ บุรุษ เมื่อเธอได้หฤทัยธารณีนี้ จงสร้างประโยชน์สุขสำราญแก่สัตว์ทั้งหลายในกษายกัลป์แห่งอนาคตกาลโดยทั่วถึง" ตามเนื้อความของพระสูตรได้กล่าวว่า ในขณะนั้น เมื่อพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ได้สดับมนตร์นี้แล้ว ก็ได้บรรลุถึงภูมิที่ 8 แห่งพระโพธิสัตว์เจ้า จึงได้ตั้งปณิธานว่า "ในอนาคตกาล หากข้าพเจ้าสามารถยังประโยชน์สุขแก่สรรพสัตว์ได้ ขอให้ข้าพเจ้ามีพันเนตรพันหัตถ์ในบัดดล"
เมื่อท่านตั้งปณิธานดังนี้แล้ว พลันก็บังเกิดมีพันหัสถ์พันเนตรขึ้นทันที และเพลานั้นพื้นมหาพสุธาดลทั่วทศทิศก็ไหวสะเทือนเลื่อนลั่น พระพุทธเจ้าทั้งปวงในทศทิศก็เปล่งแสงโอภาสเรืองรองมาต้องวรกายแห่งพระโพธิสัตว์ และฉายรัศมีไปยังโลกธาตุต่าง ๆ อย่างปราศจากขอบเขต พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสแก่พระอานนท์ว่า เนื่องจากปณิธานอันยิ่งใหญ่ของพระโพธิสัตว์ หากเหล่ามนุษย์และทวยเทพตั้งจิตสวดธารณีมนตร์นี้คืนละ 7 จบ ก็จะดับมหันตโทษจำนวนร้อยพันหมื่นล้านกัลป์ได้ หากเหล่ามนุษย์ทวยเทพสวดคาถามหากรุณาธารณีนี้ เมื่อใกล้ชีวิตดับ พระพุทธเจ้าทั้ง 10 ทิศจะยื่นพระกรมารับให้ไปอุบัติในพุทธเกษตรทุกแห่ง


อานิสงส์ของการสวดธารณี
ในพระสูตรกล่าวว่า ผู้ที่ตั้งใจสวดมหากรุณามนตร์นี้ด้วยจิตศรัทธาตั้งมั่น จะประกอบด้วยอานิสงส์เป็นกุศล 15 ประการคือ
  1. ที่ที่เกิดจะพบแต่กุศล 5 ประการ
  2. ได้เกิดในประเทศกุศล
  3. พบแต่ยามดี
  4. พบแต่มิตรดี
  5. ร่างกายประกอบด้วยอินทรีย์พร้อมมูล
  6. จิตเป็นธรรมโดยสมบูรณ์
  7. ไม่ผิดศีล
  8. ญาติบริวารมีความกตัญญู ปรองดองกัน มีสามัคคีกัน
  9. ทรัพย์สมบัติ โภคทรัพย์ มีความสมบูรณ์ครบถ้วน
  10. มีผู้เคารพและให้ความช่วยเหลือเสมอ
  11. ทรัพย์สินที่มีอยู่ไม่มีใครมาปล้นชิง
  12. คิดปรารถนาสิ่งใดจะได้สมความปรารถนา
  13. ทวยเทพ นาค ให้ความปกปักรักษาอยู่ทุกเมื่อ
  14. เกิดในที่ที่ได้เฝ้าพระพุทธเจ้า ได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้า
  15. สามารถเข้าถึงอรรถแห่งพระธรรมที่ได้สดับ
นอกจากนี้ยังมีอานิสงส์ทำให้ไม่ต้องทุมรณะด้วยเหตุ 15 ประการ คือ
  1. ไม่ต้องมรณะด้วยความอดอยากข้นแค้น
  2. ไม่ต้องมรณะด้วยการใส่ขื่อคา กักขัง และเฆี่ยนโบย
  3. ไม่ต้องมรณะด้วยศัตรูจองเวร
  4. ไม่ต้องมรณะด้วยการศึกสงคราม
  5. ไม่ต้องมรณะด้วยสัตว์ขบกิน
  6. ไม่ต้องมรณะด้วยงูพิษ แมลงป่อง
  7. ไม่ต้องมรณะด้วยการจมน้ำ ไฟไหม้
  8. ไม่ต้องมรณะด้วยยาพิษ
  9. ไม่ต้องมรณะด้วยแมลงร้ายขบกัด
  10. ไม่มรณะด้วยจิตใจว้าวุ่น เป็นบ้า
  11. ไม่มรณะด้วยตกจากภูเขา ต้นไม้ และหน้าผาสูง
  12. ไม่ต้องมรณะด้วยการสาปแช่งภูตผีปีศาจ
  13. ไม่ต้องมรณะเพราะเทพร้ายและผีสาง
  14. ไม่ต้องมรณะด้วยโรคร้ายเรื้อรัง
  15. ไม่ต้องมรณะด้วยความไม่ประมาณตนจนเกินฐานะ


หมายเหตุ เจ้าของกระทู้เคยได้รับคาถานี้จากความฝัน ตั้งแต่เรียนปี 2 ที่มช. ตอนนั้นไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่ฝันว่ามีคนยื่นกระดาษมาให้ 2 แผ่น จขกท.เลือกมา 1 แผ่น และเมื่อเปิดอ่าน ก็เป็นคาถาฉบับแปล พอตื่นมาก็จำได้ไม่หมด จำได้แต่บรรทัดแรกๆ ว่า "นโม รัตนะ ตรายายะ  นโม รัตน.... และได้นำไปเล่าให้เพื่อนฟัง ซึ่งเพื่อนเป็นคนชอบอ่านหนังสือธรรมะ ชอบสวดมนต์ เพื่อนจึงไปหาฉบับเต็มมาให้ดู จึงได้รู้ว่าพระคาถานี้มี 2 เวอร์ชั่น และก็ได้สวดเรื่อยมาๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น